สร้าง Tribe ในแบบฉบับคนทำเว็บนอกคอก

2

ไม่ว่าคุณจะเป็น Affiliate Marketer , Network Marketer , Blogger หรือเป็น Business Owner ในการทำ การตลาดบนอินเตอร์เนต (Internet Marketing) หรือ ทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ (Online Bussiness) วิธีการหนึ่งที่จะทำคุณประสบความสำเร็จได้ ในระยะยาว คือ การสร้าง Tribe (ชนเผ่า) … วันนี้ ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ในการสร้าง Tribe (Internet Tribe) ที่ผมทำนะครับ

ซึ่งบทความก่อนได้เกริ่นเรื่อง Tribe ไปแล้ว ใครยังไม่ได้อ่าน รบกวนโปรดอ่านก่อนนะครับ

Traffic -vs- Tribe (บทเกริ่นนำเรื่อง Tribe)

ถ้าใครได้อ่านบทความก่อนจบแล้ว หากคุณเป็นคนขี้สงสัยแบบผม แน่นอนคิดว่าคุณคงจะไม่รอช้า และรีบไปค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมมาแล้วอย่างแน่นอนใน Google

ผมขอสารภาพกับคุณตามตรงว่า ก่อนจะที่ผมจะเริ่มต้นเขียนบทความนี้ ผมได้ใช้เวลาศึกษาในเรื่อง Tribe นี้เพิ่มเติมเป็นเวลา 5 วันเต็มๆ ผมนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับ Tribe ที่พวกฝรั่งพูดถึงกันเท่าที่ผมจะค้นหาได้ เจอทั้ง Internet Tribe , Digital Tribe , Marketing Tribe , Comment Tribe ฯลฯ อีกมากมายจนผมปวดหัว ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเขียนยังไงดี จับต้นชนปลายไม่ถูก คนนึงพูดอย่าง คนนึงพูดอีกอย่าง สรุปผมเลยนึกไม่ออกว่าจะนำเสนออะไรดี เพราะขนาดผมเองยังงง แล้วจะเขียนให้คุณอ่านเข้าใจได้ยังไงกัน

เพื่อเป็นการตัดปัญหา ผมจึงจะขออธิบายเรื่อง Tribe ตามความเข้าใจของผมเอง สไตล์คนทำเว็บนอกคอก ซึ่งมันอาจจะไม่ถูกต้องตามหลักสากล มันอาจจะดูไม่เป็นมืออาชีพ … ดังนั้นหากใครไปค้นข้อมูลมาก่อนแล้วจากเว็บฝรั่ง ขอให้คุณแกล้งลืมๆมันไปก่อนนะครับ ฮาฮา  (ทำแบบอาจารย์ผมสอนมา … ตามรูปด้านล่าง ครับผมเป็นเจไดมาก่อน 555+)

master-yoda-say

Tribe ในแบบฉบับคนทำเว็บนอกคอก

ในบรรดาฝรั่งที่กล่าวเรื่อง Tribe ผมขอเอาเฉพาะของ Seth Godin มาใช้ และเอามาใช้แค่คำจำกัดความของเค้าคือ
Tribe = One another + A Leader + An Idea

แต่ผมนำมาแปลงใหม่ในฉบับคนทำเว็บนอกคอก ให้กลายเป็น
Tribe = Followers + Leaders + An Idea
เผ่า = ผู้ติดตาม + แกนนำ + ไอเดีย

ก่อนจะลงไปถึง “วิชาการ” ผมขอนำ “ประสบการณ์” มาแชร์ให้คุณได้อ่านกันก่อน ซึ่งผมได้ขออนุญาตจากผู้ถูกพาดพิงแล้วว่าสามารถนำเรื่องราวของเขามาเล่าได้ ดังนั้น ผมขอจัดเต็มไปนะครับ รับรองว่าคุณจะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอนเมื่ออ่านเรื่องราวนี้จบ !!

ตัวอย่างประสบการณ์ในการสร้าง Tribe

ในเวลาที่ลูกค้ามาติดต่อในการทำเว็บนั้น ผมจะเข้าไปทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่เขาทำอยู่ในเบื้องต้นก่อน ลองเช็คดูเว็บไซต์ของคู่แข่ง ดูแนวทาง เพื่อให้เกิดเป็นไอเดียเอามาใช้ในการสร้างเว็บ ซึ่งลูกค้าหลายๆรายเป็นประเภทที่เรียกว่า “ผู้เริ่มต้นเป็นผู้ประกอบการที่ยังไม่มีใครรู้จัก ทำให้ผมต้องมานั่งคิดว่า …

แล้วจะทำอย่างไร ? ให้คนรู้จักกับลูกค้า หรือ แบรนด์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากแค่การสร้าง Content คุณภาพ และการทำ SEO

ช่วงกลางปี 2014 มีลูกค้าผมรายหนึ่งได้มาติดต่อขอให้ช่วยทำ SEO ให้กับเว็บของเขา ซึ่งผมปฎิเสธไปเพราะว่าผมไม่ได้รับทำ SEO แต่ผมรับทำเว็บบล็อก (โดยแถมทำ SEO ให้ฟรีแต่ไม่การันตีอันดับ) … ลูกค้ารายนี้ก็ตื้อขอร้องอยู่พักใหญ่ เมื่อผมลองไปเช็คเกี่ยวกับธุรกิจของเขาดู ผมรู้สึกเฮ้ย…มันน่าสนใจดี เลยได้เริ่มต้นคุยรายละเอียดกัน

สรุปว่า น้องคนนี้ (ยกระดับจากลูกค้ากลายเป็นน้องทันทีเมื่อคุยจบ) เค้าทำเกี่ยวกับ “สิ่งทอใยธรรมชาติ” โดยเป็นถึง เจ้าของบริษัท อายุพึ่งจะ 29 (ไม่ธรรมดาๆ) แถมเรียนจบและ เคยทำงานเป็น Programmer บริษัทใหญ่มาก่อนด้วย แต่ลาออกมาได้ ปีกว่าๆ เพื่อมาศึกษาค้นคว้าและเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งทอเส้นใยธรรมชาติ ด้วยตัวเอง ด้วยการไปคลุกอยู่ที่สถาบันวิจัยสิ่งทอ ไปมันทุกวัน เข้าไปตีซี้จนคนทั้งสถาบันรู้จักมักคุ้น ตั้งแต่ รปภ. ยัน ผอ.สถาบัน …

เข้าอบรบมันทุกคอร์ส ขอพนักงานเค้าช่วยงานตั้งแต่งานเอกสารยันซื้อข้าวซื้อน้ำ และศึกษาหาความรู้ จากเหล่าบรรดานักวิจัยครูบาอาจารย์ผู้รู้จริงจากในสถาบันวิจัยสิ่งทอฯ จนสามารถนำความรู้ที่ได้ มาต่อยอดและใช้กับบริษัทที่พึ่งจะเปิดใหม่ของตัวเอง และในปัจจุบันยังกลายเป็น วิทยากรรับเชิญให้ไปบรรยายเกี่ยวกับสิ่งทออีก แถมยังได้รับทุนให้ไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศและทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อีกต่างหาก

PROGRAMMER ที่บ้าสิ่งทอ ลาออกมาเปิดบริษัทขายผ้า ? (โอ-มาย-ก๊อด-โฮ-ลี่-ชิท)

ผมว่าผมบ้าระดับหนึ่งแล้ว แต่น้องคนนี้ ต้องยอมรับว่ามันบ้ากว่าผมหลายเท่า!!

(ต่อไปขอเรียกว่า “ท่านประธาน” เพิ่อให้เหมาะสมกับฐานะ)

สรุปแล้วผมก็ ยอมทำ SEO ให้เขา ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาขอให้ผมช่วยปรับปรุงเว็บไซต์เดิมใหม่ทั้งหมด ทั้งโครงสร้าง ทั้งเนื้อหา ซึ่งเป็น WordPress แน่นอนครับ ผมก็งานเข้าทันที เพราะ ตอนนั้นตัวผมไม่มีความรู้เรื่อง WordPress เลย ที่ผมรู้มีเพียงแต่การทำ Blogger (Blogspot) เท่านั้น  แต่ท่านประธาน ดันให้ Username + Password ของเว็บ กับผมและบอกเพียงแต่ว่า “เชื่อใจพี่ ช่วยหน่อยนะ”  ….

ผมเคยมีความตั้งใจอยากจะไปเช่าโฮสเพื่อทดลองศึกษาการทำ WordPress มานานแล้ว แต่ติดว่าผมไม่อยากเสียเงินลงทุน (เพราะผมไม่ค่อยมีเงิน) เลยยึดติดกับของฟรี คือ Blogspot มาโดยตลอด เมื่อมีคนมายื่นข้อเสนอแบบนี้ ทำให้ ณ ตอนนั้นผมรู้สึก ซาบซึ้งยิ่งนัก น้ำตามันไหลอยู่ข้างใน อธิบายไม่ถูก ทั้งๆที่พึ่งจะคุยกัน ได้ไม่เท่าไหร่ มันเล่นให้ Account ผมมาเลย (กล้าให้มาได้ไงว่ะ) ในเมื่อเขากล้าให้ … ผมก็กล้ารับ !!

ในตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร จึงได้แต่เพียงตอบกลับไปสั้นๆว่า …

แล้ว Username กับ Password ที่ให้มานี้ พี่จะเข้าโปรแกรม WordPress ได้ยังไง ? ” ….

(แป่ว!! JoJho อ่อนหัดแท้ – อันนี้เรื่องจริงนะ ไม่ใช่มุข)

ผมใช้เวลา 1 เดือน คลุกอยู่กับการศึกษาเรียนรู้เรื่อง WordPress ด้วยตัวเอง แบบไม่มีตำรา ไม่มีใครสอน แต่อาศัย Username + Password จากท่านประธานมาเป็นเสมือนหนูทดลอง ให้ผมได้ลงมือปฎิบัติทำจริงเลย ซึ่งแรกๆ ผมก็มั่วนิ่มจนเว็บเละ แต่ก็ค่อยๆหาทางแก้ไขไปที่ละจุด ค่อยๆพัฒนาจนกลายเป็นผลงานการทำ WordPress เว็บแรกในชีวิต

แล้วมันเกี่ยวกับ Tribe ยังไง ?

ผ่านไป 2 เดือน ท่านประธานบอกว่านอกจากบริษัทเขาจะขายวัตถุดิบจำพวก เส้นใย เส้นด้าย ผ้า แล้ว ตอนนี้บริษัทกำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ เสื้อผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ เลยอยากจะมาปรึกษาผมว่า ควรจะเริ่มต้นทำตลาดยังไงดี และอยากจะมาให้ช่วยทำเว็บให้ด้วย ซึ่งเขาคิดชื่อแบรนด์ไว้แล้ว (ทั้งบริษัทมีมันอยู่คนเดียว เมื่อไม่มีใคร เลยมักจะมาปรึกษาหารือกับผม) … ผมจึงให้คำแนะนำ ตามสไตล์คนทำเว็บนอกคอก ไปว่า

เนื่องจาก แบรนด์เรายังไม่เป็นที่รู้จัก ก่อนที่จะขายเสื้อ ควรที่จะขายตัวเองก่อน เพราะพี่คิดว่า มันน่าจะขายได้เร็วกว่าเสื้อ !! ” (คำว่า “บ้า” ก็ลอยมาทันที T_T)

ผมอธิบายต่อไปว่า ” ขายตัวเองในที่นี้ หมายถึง ทำให้ตัวเรากลายเป็นที่รู้จักก่อน ทำให้คนมาติดตามเราก่อน เพราะพอคุณเป็นที่รู้จักแล้ว เวลาจะพูด เวลาจะแนะนำ เวลาจะขายของ มันจะทำได้ง่ายกว่าและมีโอกาสที่จะขายสำเร็จได้มากกว่า

” แล้วจะทำยังไง ? ”  ท่านประธานถาม (อารมณ์สงสัยปนสำนึกผิด ที่ปล่อยคำว่า “บ้า” ออกมาเร็วเกิน)

หืม ลองทำบล็อก + เฟสบุ๊คเพจ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งทอใยธรรมชาติ ? หรือให้พวกข่าวสารข้อมูลในวงการสิ่งทอ ? คนที่ชอบพวกสิ่งทอ พวกที่ชอบเสื้อผ้าชอบแฟชั่นรักษ์โลก น่าจะมาติดตามเรานะ อนาคตไม่แน่เราอาจกลายเป็น เจ้าแม่สิ่งทอใยธรรมชาติ !! ฮาฮา

เพราะว่า เมื่อเรามีคนติดตาม ตัวเราจะเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ทีนี้เวลาเราจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ๆ น่าจะทำได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังเป็นการกรองกลุ่มลูกค้าทางอ้อมไปในตัวด้วย เพราะคนที่จะมาติดตามเราส่วนใหญ่น่าจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบในเรื่องสิ่งทออยู่แล้ว ว่ามั้ย ?

สรุปแล้วเมื่อฟังจบ ท่านประธาน ก็ได้ตัดสินใจและอนุมัติสั่งให้ทำทันที ซึ่งเริ่มต้นก็คือ จะใช้ชื่ออะไรดี ? ผมก็ช่วยคิดชื่อ ได้แบรนด์มาเป็น “ปั่น ทอ กัญ – ชุมชนคนรักสิ่งทอ” (► ดูเฟสเพจของ ปั่นทอกัญ) โดยไอเดียที่ผมเอามาใช้ตั้งชื่อ มาจากคำว่า ปั่นด้าย + ทอผ้า + กัญจิรา (ชื่อของท่านประธาน) มารวมกัน ตอนแรกผมคิดให้เป็น “ปั่นทอกัน” แต่ ท่านประธานต้องการ มีชื่อตัวเองแอบแฝงอยู่ด้วย ซึ่งผมก็สนับสนุน (โชคดีที่ กัญ – กัน ออกเสียงเหมือนกัน)

ในปัจจุบันตัวบล็อกไม่ได้อัพเดทมานานมาแล้วเพราะว่า ท่านประธานไม่มีเวลา (ยุ่งมากๆ เพราะต้องทำทุกอย่างเองคนเดียวหมด) ผมเลยเสนอไปว่า ถ้างั้นไม่เป็นไร ให้ไปโฟกัสเฉพาะ Facebook Page แทน เพราะว่า ถ้าเรา ใส่เนื้อหาในบล็อก มันจำเป็นต้องเขียนเป็นบทความและมีขนาดยาว พอประมาณ ไม่เหมือนกับ Facebook Page ที่โพสแชร์สั้นๆ ซึ่ง Update ให้มีความเคลื่อนไหวได้ง่ายและสะดวกกว่า แล้วไว้หากในอนาคตเมื่อมีเวลาว่างค่อยมาทำ บล็อกจะได้เป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับใยธรรมชาติ (ซึ่งผมคิดว่าถ้าทำจริงๆ คงจะสามารถสร้างรายได้จาก Adsense หรือ รับติด Ads Banner จาก Clients อื่นๆได้ด้วย)

อะไรก็ได้ที่ สามารถให้คนมาติดตามเราได้ ใช้สร้าง Tribe ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Facebook Page , Facebook Group , Blog , Website , Youtube , Instagram , Twitter , Pinterest , Forum , Webboard , etc.

สำหรับตัว Facebook Page ของ ปั่นทอกัญ พึ่งจะได้ยอดไลค์เกิน 1000 ไปไม่นานมานี้ โดยไม่ได้ทำการโกง ปั๊มไลค์ เพราะว่า ต้องการผู้ติดตามที่เป็นคนจริงๆ เนื่องจากเป็น Tribe ที่ไม่ได้เน้นสร้างภาพลักษณ์ เพื่อขายสินค้า จึงไม่จำเป็นต้องไปโกงไลค์เพื่อทำให้ดูน่าเชื่อถือ โดยผมแนะนำให้ท่านประธาน

• รู้จักวิธีการโพสเขียนในเชิง Copywriter
• รู้จักวิธีการโพสเขียนแบบโฆษณาประชาสัมพันธ์
• การแชร์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งทอ เช่น อัพเดทงานอบรม งานสัมนนา ต่างๆ จากสถาบันหรือองค์กรอื่นๆ
• เชิญชวนผู้ประกอบการอื่นๆมาลงโฆษณาฟรีในเพจ (กลยุทธ์ยิ่งให้ยิ่งได้)
• คอยอัพเดทประสบการณ์ของตัวเอง ที่ได้ไปสถานที่ต่างๆที่เกี่ยวกับ สิ่งทอ
• มีการแทรกสินค้าตัวเองลงไป แต่อย่าเน้นขาย แค่ “แนะนำ” (ให้ผู้ติดตามเลือกตัดสินใจเอง)
• มีการแชร์บทกลอน คำคม ธรรมะ เรื่องราวดีๆ ให้ดูมีสีสัน
• สร้าง Engagement ด้วยการ กล่าวทักทาย หรือ จัดกิจกรรม / ถามตอบ / ให้ผู้ติดตามแสดงทัศนะ
• ให้กด LIKE เพจที่เกี่ยวองค์กรและสถาบันต่างๆที่เกี่ยวกับสิ่งทอของไทย (เพื่อรับข่าวสาร)
• ให้กด LIKE เพจที่เกี่ยวสินค้า ร้านค้า ที่เกี่ยวกับ เส้นใยธรรมชาติ (เพื่อดูเทรนด์และสินค้าน่าสนใจ)
• ให้กด LIKE เพจที่เกี่ยวกับวงการแฟชั่นเชิงอนุรักษ์ทั้งไทยและต่างชาติ (เพื่อดูเทรนด์และเรื่องราวน่าสนใจ)
• ให้เลือกแชร์เนื้อหาต่างๆ ที่เหมาะสมกับ “ชุมชนคนรักสิ่งทอ”

(เหล่านี้เป็นกลยุทธ์ในการดูแล Facebook Page เพื่อช่วยในเรื่อง SMO – Social Media Optimization ไว้จะมาแนะนำให้เพิ่้มเติมในอนาคต) ถ้าคุณอ่านถึงตรงนี้ อย่าขอให้ผมสอนนะครับ เพราะผมไม่รับสอน แต่ขอให้คุณเข้าไปดูในเพจ แล้วดูลักษณะการโพส ดูลักษณะเนื้อหาในการแชร์ แล้วนำไปประยุกต์ใช้เองนะครับ (อย่าดูเฉพาะเพจนี้ ดูเยอะๆ ดูจากหลายๆเพจ โดยเฉพาะพวกเพจดังๆ)

ในช่วงนั้นผมยังไม่รู้จักคำว่า Tribe เลย แต่เมื่อผมได้มาเปิดเว็บ Webbastard แห่งนี้ ทำให้ผมได้ไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และบังเอิญได้ไปเห็นข้อความเกี่ยวกับ Tribe ของฝรั่ง และพออ่านแล้วรู้สึกมันตรงคล้ายๆกับที่เราแนะนำลูกค้าไปนิหว่า ผมจึงนำคำว่า Tribe นี้มาใช้สอนแนะนำในเว็บนี้

ซึ่งหลังจากสร้าง Tribe ขึ้นมา ผมก็ได้ไปสร้างเว็บที่ขายเสื้อที่ผลิตจากใยธรรมชาติให้ท่านประธาน คือ

เสื้อผ้าจากใยธรรมชาติ แบรนด์ Taktai

และก็ได้อาศัยชุมชนปั่นทอกัญในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ อีกช่องทางหนึ่ง …. แต่เนื่องด้วยตัว Product ของ Taktai เป็นสินค้าที่ราคาค่อนข้างสูง (มีต้นทุนการผลิตสูง) และกระแสอนุรักษ์ของไทยยังไม่มากนัก เลยยังขายไม่ออก 5555+  (ซึ่งคงต้องปรับเปลี่ยนแผน ไปโฟกัส Target Group เป็นเจาะตลาดต่างประเทศแทน)

ล่าสุด!! ท่านประธานได้อาชีพเสริมใหม่ นั่นก็คือ การเปิดคอร์สอบรบเกี่ยวกับสิ่งทอ (ร่วมกับอาจารย์+นักวิชาการท่านอื่นๆ) นอกจากจะเป็นการให้ความรู้กับคนที่สนใจแล้วยังเป็นการสร้าง Connection ไปในตัวอีกด้วย โดยเมื่อประกาศจัดงานให้ลงทะเบียนครั้งที่ 1 ก็ปรากฎว่า ที่นั่งจองเต็มภายใน 3 ชั่วโมง!! จนทำให้ต้องเปิดให้จองครั้งที่ 2  (ทั้งๆที่ครั้งแรกยังไม่ได้เริ่มจัด 555+) ซึ่งในอนาคตน่าจะเป็นอีกช่องทางที่สามารถสร้างรายได้ให้กับท่านประธานและอาจารย์ท่านอื่นๆได้อย่างดีทีเดียว

นี่แหละครับ พลังของการสร้าง Tribe !! แบบสไตล์นอกคอก

จากใครก็ไม่รู้!! ไม่เคยมีใครรู้จัก … กลายมาเป็น ว่าที่อนาคต เจ้าแม่เส้นใยธรรมชาติ ของประเทศไทย !!

ถ้าคุณไม่มีผู้ติดตาม … ต่อให้คุณเก่งแค่ไหน หรือรู้มากแค่ไหน

ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้ บนโลกออนไลน์

Tribe = Followers + Leaders + An Idea

กล่าวโดยสรุปแล้ว Tribe ในแบบฉบับของผม ประกอบไปด้วย

1. Followersเราต้องมีสถานที่สำหรับผู้ติดตามของเรา
2. Leadersเราต้องคอยนำและดูแลผู้ที่มาติดตามเรา ด้วยการให้ข้อมูลต่างๆ และสร้าง Engagement
3. An Ideaโดยข้อมูลที่ให้ต้องอยู่ในขอบเขตของความสนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งร่วมกัน

เมื่อ Tribe ของคุณเติบโตขึ้น คนใน Tribe ของคุณขยายจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในเวลาที่คุณพูดหรือแสดงความเห็นหรือแนะนำสิ่งต่างๆออกไป จะมีโอกาสทำให้ผู้คนเลือกที่จะเชื่อและคล้อยตามคุณมากกว่า และแน่นอนว่า นั่นหมายถึง คุณจะกลายเป็น Source ของ Native Advertisment ที่ทรงพลังอย่างยิ่งในทางการตลาด

ผมเชื่อมั่นว่า แค่อ่านจากประสบการณ์ที่ผมนำมาเล่าให้ฟัง คุณก็น่าจะพอมองภาพออกและเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว แต่ในโพสหน้าผมจะมานำเสนอเกี่ยวกับ Tribe มาอธิบาย Follower-Leader-Idea ให้มันดูวิชาการมากยิ่งขึ้น (มันเขียนยากมากเลยนะสำหรับผม เพราะส่วนตัวไม่ค่อยมีความรู้ด้านวิชาการ คือไม่เน้นทฤษฎี มีแต่ภาคปฎิบัติ 555+ แต่ผมจะพยายามเขียน เพื่อคุณ!! ^_^) และจะยกตัวอย่าง  Tribe ที่ประสบความสำเร็จต่างๆ เพื่อให้คุณดูเป็นไอเดียเอาไปคิดสร้าง Tribe ของตัวเองได้

คอยติดตามกันนะครับ

JoJho
คนทำเว็บนอกคอก


Noted :

จนทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่ได้เงินสักบาทจากการทำเว็บ 3 เว็บพร้อมกับให้คำแนะนำปรึกษามากมายให้กับท่านประธาน แม้ท่านประธานจะเสนอเงินมาให้ ถึงขนาดให้ผมเรียกเงินค่าเหนื่อยเป็นรายเดือนเอง (ถ้าเค้าจ่ายไหว) เพื่อให้เข้าไปช่วยเขาแบบเต็มตัว แต่ผมก็ได้ปฎิเสธไป
เพราะผมถือว่า ท่านประธานได้จ่ายค่าเหนื่อยให้ผมล่วงหน้าแล้ว ด้วยคำพูดที่ว่า “เชื่อใจพี่ ช่วยหน่อยนะ” พร้อมกับมอบ Username + Password ให้ผมมา …
เพราะหากไม่ใช่วันนั้น ผมก็คงยังไม่รู้เรื่องการทำ WordPress ซึ่งเป็น วิชาที่ติดตัวช่วยสร้างรายได้ให้กับผมสามารถนำไปใช้ทำเว็บให้ลูกค้ารายอื่นๆ และแน่นอน ในวันนี้ คงจะไม่มี Webbastard.Net เว็บสวยๆที่ใช้ WordPress ในการทำ

Give-Take

About author

WebBastard.Net

WebBastard.Net

เว็บบล็อกที่จะมา เม้าท์มอย + สอน + แชร์เทคนิค การทำ SEO , Social Media Marketing , Content Marketing , การทำเว็บไซต์ด้วย Blogger และ WordPress รวมถึงการทำ Amazon Affiliate ในลักษณะ "การเล่าสู่กันฟัง" จากประสบการณ์ในการทําเว็บแบบมันส์ๆ ของ JoJho - คนทําเว็บนอกคอก

อยากอ่านต่อ ? ... ขอแนะนำ

ตัวอย่างเว็บ Amazon Affiliate สายคุณภาพ

ใครที่กำลังเริ่มต้น อยากทำ Amazon Affiliate วันนี้ผมขอ นำตัวอย่างเว็บไซต์ที่ทํา Amazon แบบสายคุณภาพ ของต่างชาติ เอามาให้ดูกันนะครับ เพื่อเป็นไอเดียการเขียนบทความ การสร้างบทความ รูปแบบการนําเสนอ ไปจนถึงโครงสร้างเว็บ