ถ้าคุณต้องการสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress ที่สามารถออกแบบโครงสร้าง Layout ของเว็บคุณเองโดยที่ไม่ต้องเขียน Code โปรแกรมหรือมีความรู้ด้านการออกแบบ แต่ให้ออกมาดูดีและมีความเป็น Unique (ไม่ต้องไปยุ่งกับ CODE เลย) เพียงแค่ คลิก-ลาก-วาง จบ!! คุณจำเป็นต้องใช้ WordPress Plugin ที่เรียกกันว่า
“Page Builder“
WordPress มี Plugin มากมาย แต่ Plugin ประเภทหนึ่งที่ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นการยกระดับ Next-Gen ในการทำเว็บ โดยเฉพาะกับผู้ใช้งานทั่วไป นั่นก็คือ “Page Builder Plugin” ซึ่งมันทำให้ คนที่ไม่มีความรู้ด้าน Web Programming หรือ แม้กระทั่ง Web Design เลย (เช่นตัวผม) สามารถสร้างเว็บสวยๆ มีคุณภาพออกมาได้
Drag & Drop Page Builder คือ Plugin ที่คนทำเว็บ WordPress ทุกระดับ (โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีความรู้ด้าน Coding) ควรศึกษาเรียนรู้และฝึกฝนใช้งานให้คุ้นเคย เพราะมันจะทำให้คุณสร้างสรรค์เว็บไซต์ของตัวเองได้อย่างอิสระตามไอเดียของคุณ
ในปัจจุบันมีผู้พัฒนา Page Builder ออกมามากมายหลายตัว ซึ่งลูกเล่น ฟังก์ชั่น ความสามารถก็แตกต่างกันออกไป Page Builder ตัวดังๆ มีคุณภาพและเป็นที่นิยม อาทิเช่น
1. Visual Composer (ตัว TOP)
2. Beaver Builder
3. VelocityPage Drag and Drop Builder
4. Elegant Themes Drag and Drop Page Builder
5. Page Builder by SiteOrigin
6. MotoPress Content Editor
7. Themify Builder
8. Page Builder by WooRockets.com
9. Live Composer
10. Aqua Page Builder
บางตัวฟรี บางตัวเสียเงิน ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าคนที่คุ้นเคยกับการซื้อ Theme ระดับ Premium มาใช้งานจะรู้ดีว่า ในปัจจุบัน WordPress Premium Theme มักจะแถมพวก Page Builder Plugin มาให้ด้วย (โดยเฉพาะเจ้า Visual Composer)
ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เริ่มฝึกทำเว็บ WordPress จากการทดลอง Premium Theme เลย ผมไม่ได้เริ่มจาก Theme Free หรือ ซื้อหนังสือสอน WordPress มาอ่าน … แต่อาศัย Login เข้า Dashboard อัพโหลด Theme แบบ Premium แล้วก็ทดลองมั่วนิ่มเอาเองเลย ^_^
ต้องขอบอกว่าในตอนแรก “งง” สุดยอดครับ กับการเล่น Page Builder (ตอนนั้นผมเล่นตัวที่ชื่อ Metro Visual Builder เป็นของค่าย Crumina) แต่หลังจากพอเป็นแล้ว …แบบว่า ชีวิตมันดี๊ดีอ่ะ !! 555+
แน่นอนว่า การสร้างเว็บ WordPress ให้สวยๆ มันก็ต้องขึ้นอยู่ Theme ที่เราใช้
ซึ่งปกติแล้ว มักจะต้องเสียเงินซื้อ Theme แบบ Premium ซึ่งราคาก็มีตั้งแต่ประมาณ $15 – $100+
(โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ $60 คือประมาณ 2000 บาท)
สำหรับมือใหม่ ที่อยากหัดทำเว็บให้สวยๆ (หรือมือเก่า แต่งก!!) ที่ไม่อยากเสียเงินซื้อ Premium Theme
วันนี้ผมขอมาแนะนำ WordPress Theme FREE!! ที่มี Page Builder มาให้คุณได้ลองหัดเล่นกันดูครับ
โดย Page Builder ของธีมที่แนะนำต่อไปนี้ จะเป็นตัวฟรีนะครับ คือ
– Page Builder by SiteOrigin
– Beaver Builder
– Page Builder by WooRockets.com
แนะนำ ฟรีธีม WordPress ระดับคุณภาพ ที่มี Page Builder
1. Vantage
Vantage เป็น Free WordPress Theme แนว Multipurpose (แนวหลากหลายการใช้งาน)
มาพร้อมกับ Page Builder Plugin ของ Site Origin และ Meta Slider อีกทั้งรองรับ WooCommerce
ธีม Vantage นี้ถูกออกแบบขึ้นมา เพื่อใช้ทดสอบกับ Page Builder ของ Site Origin โดยเฉพาะ
จึงถือเป็น next-generation multipurpose theme ของฟรี ที่เป็นต้นแบบก็ว่าได้ (ยอดโหลดสูงถึง 6 แสนกว่า)
เหมาะสำหรับเว็บไซต์/Blog ประเภท Corporate หรือ Business หรือ Online Store
หมายเหตุ : เป็นของฟรีที่น่าเล่นมากสำหรับมือใหม่ นำมาศึกษาทำเว็บ WordPress แบบสวยๆ
► Demo | Download | คู่มือการใช้งาน ◄
2. Corsa
Corsa เป็น Free WordPress Theme แนว Corporate / eCommerce
มาพร้อมกับ WR Page Builder ของ WooRockets รองรับการใช้งาน WooCommerce
เหมาะสำหรับเว็บไซต์/Blog ประเภท Corporate หรือ Business หรือ Online Store
หมายเหตุ : ตัวนี้ผมดู Demo แล้ว มันแจ่มดีนะ !! (นึกว่า Premium Theme >.< แต่ไม่ใช่ ฟรีจ๊ะ!!!) …
► Demo | Download | คู่มือการใช้งาน ◄
3. BLDR
BLDR เป็น Free WordPress Theme แนว Multipurpose ใช้งานได้หลากหลาย
โดยธีมตัวนี้ใช้ Page Builder Plugin ของ Site Origin (ฟรี)
เหมาะสำหรับเว็บไซต์/Blog ประเภท Corporate หรือ Business หรือ Portfolio
หมายเหตุ : เมื่ออัพเกรดเป็น Pro Version ($18) จะเพิ่ม Slider และ รองรับ Woocommerce
► Demo | Download | คู่มือการใช้งาน ◄
4. Receptar
Receptar เป็น Free WordPress Theme แนว Creative – Stylish Blog สวยงาม
โดยธีมตัวนี้รองรับ Page Builder ของ Beaver Builder – WordPress Page Builder
เหมาะสำหรับเว็บไซต์/Blog ประเภท เน้นดีไซน์ รูปภาพ
(Food Blogger แจ่มเลย หรือประยุกต์กับพวก Fashion / Travel Blogger ก็ไม่เลว)
► Demo | Download | คู่มือการใช้งาน ◄
5. Dustland Express
Dustland Express เป็น Free WordPress Theme แนว Corporate / eCommerce
รองรับการใช้งาน WooCommerce และ Page Builder ของ Site Origin
เหมาะสำหรับเว็บไซต์/Blog ประเภท Corporate หรือ Business หรือ Online Store
► Demo | Download | คู่มือการใช้งาน ◄
6. Auberge
Auberge เป็น Free WordPress Theme ที่ออกแบบมาสำหรับ Restaurant & Café & Recipes blog
โดยธีมตัวนี้รองรับ Page Builder ของ Beaver Builder – WordPress Page Builder
อีกทั้งรองรับ Jetpack and WebMan Amplifier plugin สำหรับสร้างเมนู หรือ รายการอาหาร
เหมาะสำหรับเว็บไซต์/Blog ร้านอาหาร หรือ Food Blogger
► Demo | Download | คู่มือการใช้งาน ◄
7. TopShop
TopShop เป็น Free WordPress Theme แนว Corporate / eCommerce
รองรับการใช้งาน WooCommerce และ Page Builder ของ Site Origin
เหมาะสำหรับเว็บไซต์/Blog ประเภท Corporate/Business หรือ Online Store แม้กระทั่ง Personal Blog
► Demo | Download | คู่มือการใช้งาน ◄
8. Albar
Albar เป็น Free WordPress Theme แนว Multipurpose
รองรับการใช้งาน WooCommerce และ Page Builder ของ Site Origin
เหมาะสำหรับเว็บไซต์/Blog ประเภท Corporate/Business หรือ Portfolio หรือ Online Store
► Demo | Download | คู่มือการใช้งาน ◄
9. Snapshot
Snapshot เป็น Free WordPress Theme แนว Photos / Portfolio Blog (แต่สามารถนำมาประยุกต์ได้หลากหลาย)
มาพร้อมกับ Page Builder Plugin ของ Site Origin และ Slider ในตัว
เหมาะสำหรับเว็บไซต์/Blog ประเภท Photos Blogger หรือผู้ที่ต้องการ Blog แบบ Grid Post
► Demo | Download | คู่มือการใช้งาน ◄
10. Electa
Electa เป็น Free WordPress Theme แนว Creative Grid-Based Portfolio
รองรับการใช้งาน Page Builder, WooCommerce, และ Meta Slider
เหมาะสำหรับเว็บไซต์/Blog ประเภท Photo-Blogging / Portfolio Site หรือผู้ที่ชอบสไตล์ Grid Post
► Demo | Download | คู่มือการใช้งาน ◄
สำหรับ Theme ฟรีเหล่านี้ หากได้ทดลองฝึกฝนใช้งาน Page Builder แบบ Free จนคล่องแล้ว ในอนาคตหากคุณซื้อ Page Builder ที่เสียเงิน หรือซื้อธีม Premium ที่แถม Page Builder มา อย่าง Visual Composer หรือ Elegant Themes Drag and Drop Page Builder (ของทาง Elegant Themes) … ผมเชื่อว่าน่าจะทำให้คุณเข้าใจการใช้งานได้ง่ายขึ้นมากเลยครับ เพราะว่า มีลักษณะการใช้งานที่ใกล้เคียงกัน
ธีมที่แนะนำเหล่านี้ ทุกตัวจะ Responsive Design หมด อีกทั้ง มี Page Builder บางตัวมี Slider และ รองรับ WooCommerce ด้วย ดังนั้นถ้าทำให้สวยๆ สามารถนำไปใช้งานจริงได้เลย … ต้องขอบอกว่างานนี้ เรื่องคุณภาพไม่แพ้ Premium Theme เลยนะ (ดีจัง ประหยัดตัง >.< 555+)
มี Free WordPress Theme ตัวไหนที่ถูกใจกันบ้างมั้ยครับ ?
ถ้าตัวไหนถูกใจ ก็ลองโหลดไปสร้างเล่นกันดูนะครับ 🙂 … Enjoy !!
JoJho
คนทำเว็บนอกคอก
พาไปดู ► 10 อันดับ WordPress Theme (แบบ Premium) ที่มียอดขายสูงสุดในโลก