คนที่เป็น Blogger หรือ นักเขียน ที่ชอบบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านทางการเขียน ถือว่าเป็นคนมีพื้นฐานสำคัญอย่างหนึ่ง ที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการทำ SEO นั่นก็คือการสร้าง Content โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีบล็อกของตัวเองจะสามารถทำบทความ ของตน ให้ติดอันดับดีๆบน Google ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
เมื่อเดือนก่อนผมได้มีโอกาสได้ทำเว็บ (รีโนเวตบล็อกเดิม) ให้กับ คุณอุ้ม ► www.iaumreview.com (เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะรู้จักดี) เป็นบล็อกรีวิวมือถือ แบบเจาะลึก แต่เรียบง่ายเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคลิปรีวิวบน Youtube
โดยปกติแล้วคุณอุ้มเป็น Blogger สาย Technology Lifestyle ที่ไม่ได้รู้เรื่องของการทำ SEO เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ผมได้ช่วย คิดโครงสร้างของเว็บ และปรับหมวดหมู่ของเนื้อหา ให้ง่ายต่อการเข้าถึงและเข้าใจ สำหรับคนอ่านมากยิ่งขึ้น (และต่อ Google ด้วย) ผมก็ได้ให้คำแนะนำเล็กๆน้อยเกี่ยวกับการทำ SEO แก่คุณอุ้ม ดังนี้
จากนั้น คุณอุ้มก็ไปทำตาม และผลที่ได้คือ
SEO 3 บรรทัด
ภาพรวมของการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ในปัจจุบัน สรุปแบบให้เข้าใจง่ายๆได้ 3 บรรทัด คือ
1. โครงสร้างเว็บดี
2. บทความเขียนดี Unique + มีประโยชน์
3. มี Traffic มีคนเข้ามาอ่าน มีการแชร์ มี Backlink
SEO (สมัยนี้) หัวใจหลักๆมันก็มีแค่นี้แระครับ … “SEO 3 บรรทัด” โดยเฉพาะกับเว็บไซต์ประเภท BLOG
สอดคล้องกับที่ “ลุงเต่า เขย่าเว็บ” หรือ พี่เอก (ผู้ใหญ่ใจดี ในวงการ IM อีกท่านที่ชาว IM รู้จักกันดี) ได้กล่าวไว้
ผมเองเป็นแฟนคลับของลุงเต่า ได้ไปคอมเม้นท์ในโพสหนึ่งในเฟสบุ๊คของลุง เลยได้เฉลยมา อิอิ!!
3 บรรทัด
Structure
Contents
Backlink
อ่ามันตรงกับที่ผมแนะนำคุณอุ้มไปพอดี๊พอดี (เหมือนผมกับลุงเต่ามีใจเดียวกัน 555+)
[ชื่อโพสนี้ “SEO 3 บรรทัด” ผมได้ไอเดียมาจากคำพูดของลุงเต่าครับ เลยต้องให้เครดิตหน่อย]
หากใครติดตามบทความก่อนๆใน Webbastard.net จะทราบว่าผมมักจะย้ำอยู่บ่อยๆ ว่าหัวใจหลักการทำ SEO นั้น
(สำหรับตัวผม) มีอยู่ 2 อย่างคือ Content + Traffic ซึ่งหากนำมาเปรียบกับ SEO 3 บรรทัด
• Content = บรรทัดที่ 1 (โครงสร้างเว็บ) + บรรทัดที่ 2 (ตัวเนื้อหาบทความ)
• Traffic = บรรทัดที่ 3 (การโปรโมท การสร้าง Backlinks)
โดยหากเทียบกับการปฎิบัติตามแนวทางคนทำ SEO ทุกคนรู้จักและคุ้นเคยกันดี ก็คือ
• บรรทัดที่ 1 กับ บรรทัดที่ 2 (Structure + Contents) เราทำภายในเว็บของเรา จะนิยมเรียกกันว่า On-Page
• บรรทัดที่ 3 (Backlinks) เราทำได้ภายนอกเว็บของเรา โดยทั่วไปนิยมเรียกกันว่า Off-Page
SEO บรรทัดที่ 1 – โครงสร้างเว็บ (Website Structure)
คำว่า Site Structure นี้ โดยทั่วไป หากมองแบบพื้นฐานๆ ให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็จะครอบคลุมในส่วนของ
• การออกแบบโครงสร้างของเว็บ (Design Layout) เช่น Sidebar , Footer
• การจัดหมวดหมู่ของเนื้อหา (Categories , Tags)
• การคิดเรื่อง Site Navigator (Main Menu , Sub Menu)
• การเชื่อมโยงกันระหว่างแต่ละหน้าเพจด้วยลิงค์ (Link Structure)
• การเลือกชื่อมาตั้งเป็น URL (URL Structure)
• การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ที่รองรับมือถือ (Mobile-Friendly)
• การคำนึงถึงความเร็วของไซต์ (Site Speed)
เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขอยกตัวอย่าง เว็บไซต์ iaumreview ซึ่งตัวสำคัญๆที่ผมอยากให้ดู คือ
1. การวางโครงสร้างในส่วนของเมนูหลัก และหมวดหมู่บทความ ซึ่งผมได้จัดวางไว้คือ
iUpdate (News ไว้อัพเดทข่าวสาร & ประชาสัมพันธ์)
iReview
– Smartphone Review
– Tablet Review
– App Review
– Gadgets Review
iShare
– iTeach (How to)
– iSay (เรื่องเล่ามีสาระ)
iLifestyle
– iEat (รีวิวอาหาร)
– iTravel (รีวิวที่เที่ยว)
– iPlay (สอนเล่น Ukulele)
iStore (สำหรับขายของ หรือ แนะนำสินค้า)
เวลาที่เราจะสร้างเว็บหรือสร้างบล็อก สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องทำ คือ การวางแผนเมนูและจัดหมวดหมู่บทความ การที่เรามีหมวดหมู่ จะช่วยทำให้เรารู้ถึงขอบเขตของเนื้อหาที่จะนำมาใส่ลงในเว็บ
กรณีหากเนื้อหาเรายังน้อย หรือ ต้องการโฟกัสไปที่ Niche ให้ลึกๆ (ไม่อยากให้กว้างมากนัก) จากตัวอย่างข้างต้น เราอาจจะ ยุบเหลือแค่ Smartphone Review, Tablet Review , App Review , Gadgets Review เพียงแค่นี้ก็สามารถทำได้
2. การจัดวางในส่วนของ Main Content และ Sidebar รวมถึง Footer และ ตำแหน่งของ Ads
ในส่วนของ Site Structure นี้ผมอยากให้คำนึงถึง User Experience เป็นหลัก คือ ง่ายต่อผู้ใช้งาน ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เพราะ โครงสร้างเว็บที่ดี ถือเป็นรากฐานสำคัญ ที่มีส่วนช่วยในเรื่องของการทำ SEO
SEO บรรทัดที่ 2 – เนื้อหาบทความ (Contents)
แม้คุณจะอ่านเป็นครั้งที่ร้อย ก็ยังต้องยอมรับอยู่ดี และตอกย้ำในใจเสมอ ว่า การทำ SEO นั้น Content is King เพราะตัวเนื้อหา หรือ Content นี้เอง ที่ถือได้ว่าเป็นตัวสำคัญและเป็นปัจจัยหลักที่ Google นำมาใช้ในการจัดอันดับเว็บ
ในส่วนของ Content SEO นั้น จะเริ่มต้นตั้งแต่
– การหาหัวข้อ TOPIC หาไอเดีย ที่จะนำมาเสนอ ให้ตรงกับหมวดหมู่ของ Site Structure ที่เราได้วางไว้
– มีการวางแผนวิเคราะห์คีย์เวิร์ด (Keyword Analysis) ส่วนสำคัญหลักอีกตัวหนึ่งที่ใช้ชี้วัดความสำเร็จในการทำ SEO
– เทคนิคการเขียนบทความ
– การปรับแต่งพื้นฐาน Onpage SEO เพื่อส่งสัญญาณที่ดีต่อ Google
ในส่วนนี้ ผมจะขอไม่กล่าวถึงมากนัก ให้ลองอ่านจาก 3 บทความย้อนหลังที่ผมได้เขียนอธิบายไว้ พอเป็นแนวทาง
► Quality Content ในสายตา Google (ตอนที่ 1)
► Quality Content ในสายตา Google (ตอนที่ 2)
► 10 เทคนิค การเขียนบทความ / เขียนบล็อก ให้ประสบความสำเร็จ
SEO บรรทัดที่ 3 – การโปรโมท หาคนเข้าเว็บ (Traffic)
เมื่อเรามี Site Structure ที่ดี + Content คุณภาพ แล้ว
สิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ในการทำ SEO ก็คือ การโปรโมทเว็บ/บทความ
คนทำ SEO มักจะนิยมเรียกกันในส่วนนี้ว่าเป็น การสร้าง Backlinks ซึ่งก็ไม่ได้ผิดแต่ประการใด เพราะในการโปรโมท คุณจำเป็นต้องมี ที่อยู่ของเว็บ หรือ ที่อยู่ของบทความ โดยเจ้า “ที่อยู่” ในที่นี้ ก็คือ URL Address ที่เราต้องนำไปวาง นำไปบอกต่อ เพื่อเป็นเสมือน ทางเข้าเว็บ ที่ใช้เชื่อมโยงระหว่าง ผู้อ่านกับตัวเว็บ นั่นเอง เราจึงเรียกมันว่า “Backlinks”
ในอดีตเจ้า Backlinks นี้เอง Google ถือเป็นปัจจัยหลักสำคัญ ในการจัดอันดับเว็บ เพราะเชื่อว่า 1 ลิงค์ = 1 โหวต
หมายถึงเว็บที่มีลิงค์ชี้มามากๆ โดยนัยยะแล้ว Google มองว่า เป็นการถูกโหวตจากคนอื่นๆ ทำให้น่าเชื่อถือ น่าสนใจ … ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญ SEO ต่างคิดหาเทคนิค ที่เกี่ยวกับการสร้างลิงค์ (Link Building) มาหลอกล่อ Google เพื่อดันอันดับเว็บของตน
แต่ในปัจจุบัน Google ได้ยกระดับ พัฒนาตัวเอง เพื่อต่อสู้กับการโดนหลอกด้วยวิธีการต่างๆจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ SEO โดยหันมาให้ความสำคัญกับ Backlinks ที่มีคุณภาพ รวมถึง Content ที่มีคุณภาพ มากยิ่งขึ้น
ส่วนตัวแล้วสำหรับผม การสร้าง Backlink หรือ Link Building แบบเก่าๆ ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการโปรโมทเว็บ ในความเป็นจริงแล้ว การหา Traffic ยังมีช่องทางอยู่อีกมากมาย ที่คุณอาจจะคาดไม่ถึง ยกตัวอย่าง (แบบกว้างๆ) อาทิเช่น
• SEO Traffic
• Traditional Link Building
• Social Media
• Relationship Marketing
• Content Leverage
• Offline Traffic
• Paid Traffic
• Mobile Traffic
• Product Creation
ในปัจจุบันการโปรโมทเว็บเพื่อหา Traffic ตัวที่ ง่าย + ฟรี + แรง และเป็นที่นิยม ก็คือ การใช้ Social Media
ยกตัวอย่างเช่น เว็บของคุณอุ้ม iaumreview.com ในการหา Traffic ของคุณอุ้มนั้น ใช้เพียงแค่ Social Media เป็นหลัก นั่นก็คือ Facebook , Youtube , Twitter และ Instagram … ผมอยากให้คุณมองแบบง่ายๆว่า การโปรโมทด้วย Social Media มันก็คือการสร้าง Backlinks บน Social Media นั่นเอง
ส่วน Traditional Link Building ของคุณอุ้ม ก็อาจจะมีการไปโพสในเว็บบอร์ด เช่น Pantip บ้างในบางครั้ง โดยจุดสำคัญที่อยากให้สังเกต นั่นก็คือ ลิงค์คุณภาพ คือ ลิงค์ที่เมื่อเราวางแล้ว มันมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิด Traffic คือ มีคนคลิกลิงค์นั่นเอง !! หรือไม่ก็มาจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง หรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ
และอีกอย่างหนึ่งคือ การบอกต่อแบบปากต่อปาก ทั้งในหมู่เพื่อนฝูงและผู้ติดตาม (แฟนคลับ) ของ IAUMREVIEW
เมื่อพูดถึง “ผู้ติดตาม” มันตรงกับ สิ่งที่ผมเคยเขียนไว้ ในเรื่องของ ► การสร้างชนเผ่าในอินเตอร์เนต (Internet Tribe) การสร้างฐานผู้ติดตาม สร้าง Connection กับผู้ชม คุณจะสามารถกินยาว ได้ในเรื่องของการหา Traffic ดังเช่น กรณีของ iaumreview เป็นต้น
สรุป
จากกรณีตัวอย่างที่ผมหยิบยกมานำเสนอนี้ เพื่อสื่อให้เห็นว่า ในการทำ SEO นั้น หากคุณเข้าใจหัวใจหลักของมัน จะพบว่า จริงๆแล้วก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณเป็น Blogger เป็น Writer หรือเป็น Content Creator ด้วยแล้ว ขอเพียงเข้าใจ “หลัก” หรือ “แก่น” ของการทำ SEO … ผมเชื่อว่า การทำอันดับบน Google ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ !! (เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย)
SEO 3 บรรทัด (หลักในการทำ SEO)
1. Site Structure – วางโครงสร้างเว็บให้ดี
2. Quality Content – สร้างเนื้อหาบทความที่มีคุณภาพ
3. Site Promote – รู้จักโปรโมท ฉลาดในการสร้าง Backlinks เพื่อหา Traffic
บทส่งท้าย
คือตั้งใจอยากบอกแค่ 3 บรรทัด แล้วนี่ล่อมากี่บรรทัดแล้วเนี้ยยย !! >.<
(บางทีผมก็รู้สึกเห็นใจคนอ่านนะครับ … แต่อยากให้เข้าใจว่า มันเป็นสไตล์อ่ะ !!)
ขอขอบคุณ แขกรับเชิญ สำหรับบทความนี้ อันได้แก่
– คุณอุ้ม (iaumreview.com)
– ลุงเต่า เขย่าเว็บ (ลุงคงจะคิดในใจว่า … มันมาเชิญกูตอนไหนว่ะ ??? 555+)
JoJho
คนทำเว็บนอกคอก