การทำ SEO นั้นไม่ใช่เป็นเรื่องที่ใหม่ ทำเว็บให้ติดหน้าแรกๆของ Google ถือเป็นเรื่องที่หลายคนรู้และได้ทำกันมานานแล้ว บางคนรู้เยอะ ในขณะที่หลายคนรู้น้อย บางคนประสบความสำเร็จ แต่บางคนก็ยังไม่สะที …
การทำ SEO ให้ประสบผลสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันสามารถเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำ SEO ด้วยตัวคุณเอง ไม่แน่ว่า คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่เป็นเหมือนผม คนที่ทำให้เว็บของตัวเองติดหน้าแรก Google ได้ ในขณะที่ สะกด SEO คำเต็มยังไม่ถูกเลย (แต่ตอนนี้สะกดถูกแล้วนะ ฮาฮา Search Engine Optimization = SEO)
วันนี้เรามาปฎิวัติ (ทางความคิด) ในการทำ SEO กันครับ
ทำความเข้าใจกันก่อน
1. ผมเป็น SEO User ที่พอมีประสบการณ์ ยังไม่ได้เป็นถึง SEO Expert
(แต่ผมมีความใฝ่ฝันและกำลังพยายามทำให้เป็นจริงอยู่)
2. เนื้อหาบางส่วน เกิดจากการอ่านศึกษาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญหลายแหล่ง
(ทำความเข้าใจและคัดข้อมูลนำมาเรียบเรียงแปลออกมา)
3. เนื้อหาบางส่วน เกิดจากความคิดและความเห็นส่วนตัว จากประสบการณ์ในการทำ SEO ที่ผ่านมา (มั่วนิ่มเอง)
4. เนื้อหาที่จะนำเสนอนี้ จะเป็นในลักษณะภาพรวมเพื่อให้เกิดความเข้าใจ
(แต่พยายามจะทำให้เป็นภาพรวมที่เ ป็นแก่นแท้)
5. เนื้อหาที่จะนำเสนอนี้ ไม่ใช่เทคนิคในเชิงปฎิบัติ แต่เป็นเพียงมุมมอง หรือไอเดียความคิด
6. Search Engine มีหลายตัว แต่จะขอพูดถึง Google เป็นหลัก
7. บทความนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ หรือ ผู้ที่ประสบการณ์ในการทำ SEO ยังมีน้อยอยู่
(เพราะผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย น่าจะรู้ดีกันอยู่แล้ว)
ถ้าคุณเป็นมือใหม่ยังงงๆ ไม่รู้จัก SEO มาก่อน โปรดอ่านบทความนี้ก่อน ► SEO คืออะไร
SEO-น้ำตา-รอยยิ้ม-อันดับ
ถาม : อยากให้เว็บติดหน้าแรก Google แบบไม่ต้องเสียเงิน ต้องทำอะไร ?
ตอบ : ทำ SEO
SEO คือ การทำให้ Search Engine (Google) เชื่อว่าเว็บของเรานั้นเกี่ยวข้องกับคำค้นหา (Query) ซึ่งจริงๆแล้วบางทีก็อาจจะไม่เกี่ยวข้องสักทีเดียว (แต่ต้องทำให้ Google มันเชื่อว่าเกี่ยว เพราะเมื่อมันเชื่อแล้ว ถึงจะยอมให้โอกาสแสดงเว็บของเราในอันดับที่ดีๆ)
สำหรับผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในการทำ SEO นั่นจะรู้ดีว่า Google มันให้เราทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือ บางคร่าวมันก็ทำให้เราเสียน้ำตา T__T และนั่นก็เพราะจากผลอันดับ ที่คุณเองก็ไม่สามารถควบคุมและคาดเดามันได้
การทำ SEO นั้น ผมถือว่ามันเป็น ศิลปะทางความคิดอย่างหนึ่ง เพราะมันคือการสร้างกระบวนทางความคิดเพื่อทำความเข้าใจว่า Google BOT นั้นคิดอย่างไร ใช้ปัจจัยอะไรในการจัดลำดับของเว็บไซต์ และเราต้องสื่อสารหรือส่งสัญญาณต่อ BOT อย่างไรถึงจะถูกใจมัน (ที่ผมสงสัยคือ มันคิดเหมือนมนุษย์ได้ยังไงกัน)
ดังนั้น ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นทำ SEO คุณควรจะรู้เอาไว้ก่อน 2 อย่าง
1. จุดมุ่งหมาย หรือ เป้าหมาย ของการทำ SEO แท้จริงแล้วคืออะไรกัน …
2. จุดมุ่งหมาย หรือ เป้าหมาย ของ Google แท้จริงแล้วคืออะไรกัน …
จุดมุ่งหมายของ การทำ SEO
– SEO (Seach Engine Optimization) คือส่วนหนึ่งของ SEM (Search Engine Marketing)
– SEM คือ การทำการตลาดบน Search Engine ซึ่งมีสองแบบ คือ เสียเงินลงโฆษณา (PPC) และ ไม่เสียเงิน (SEO)
– SEM เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ IM (Internet Marketing – การทำการตลาดบนโลกอินเตอร์เนต)
– Internet Marketing ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Digital Marketing (การทำการตลาดโดยใช้สื่อดิจิทัล)
– Digital Marketing ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Marketing (การทำการตลาด)
– Marketing หรือ การตลาด ก็เป็นเพียงส่วนของการทำธุรกิจ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ► ความหมายของการตลาด)
เราทำการตลาด ก็เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายในการทำธุรกิจ เช่น เพิ่มยอดขาย / ทำให้คนรู้จักแบรนด์
ถ้าหากเราพิจารณาไปถึงต้นตอที่แท้จริงจากข้างต้น ก็จะพบข้อสังเกตต่างๆ เช่นว่า
– การทำ SEO มีความสำคัญต่อคนที่ทำธุรกิจ มากกว่า คนที่ไม่ได้คิดทำธุรกิจ
– ผู้ที่ต้องการทำ SEO มักจะเป็นผู้ที่ ไม่มีทุน หรือ ไม่ต้องการเสียเงินไปกับการโฆษณา
– SEO เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการตลาดเท่านั้น แท้จริงแล้วยังมีอีกหลายช่องทาง
ดังนั้นจุดมุ่งหมายของการทำ SEO จริงๆก็คือ เพื่อทำให้คนรู้จักเรา / รู้จักเว็บไซต์ของเรา / รู้จักแบรนด์ของเรา ผ่านทาง Search Engine โดยไม่ต้องเสียเงินลงโฆษณา โดยกลุ่มเป้าหมายที่เราได้รับจากการทำ SEO จะเป็นกลุ่มที่มาจาก Organic Search (การค้นหาตามธรรมชาติ) ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเรียกว่าได้ “ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการอย่างแท้จริง”
จุดมุ่งหมายของ Google
ใจความตอนหนึ่งของ Larry Page ผู้ก่อตั้ง Google กล่าวว่า
“Sergey and I founded Google because we believed we could provide a great service to the world—instantly delivering relevant information on any topic. Serving our end users is at the heart of what we do and remains our number one priority.”
Larry Page ก่อตั้ง Google ขึ้นมาเพราะเชื่อว่าจะสามารถให้บริการที่ยิ่งใหญ่แก่โลกใบนี้ และบริการนั้นก็คือ การส่งมอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องในหัวข้อใดๆก็ตามแบบทันทีทันใด ซึ่งการให้บริการแก่ผู้ใช้งาน (ในที่นี้ก็คือ ผู้ค้นหา) เป็นหัวใจหลักในสิ่งที่ Google ทุกวันนี้กำลังทำอยู่ และมันก็ให้ความสำคัญแก่ผู้ใช้งานเหนือสิ่งอื่นใด
จากปฎิธานของผู้ก่อตั้ง Google บ่งชี้ว่า เป้าหมายของ Google :
เพื่อแสดง ผลของหน้าที่มี เนื้อหาเกี่ยวข้อง สอดคล้อง ตรงประเด็น และเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแก่ผู้ค้นหา
SEO ในโลกแห่งความเป็นจริง
เมื่อใดก็ตามที่เราพูดถึงการทำ SEO ย่อมต้องมีเรื่องของ การวิเคราะห์ (Analysis), กรณีศึกษา (Case Study), บทเรียน (Tutorials) หรือแม้กระทั่ง การคาดเดา (Predictions) แต่ในความเป็นจริงนั้น ท้ายที่สุดแล้วก็คงเหลือเพียงแค่ 2 อย่าง คือ ตอบสนอง (React) และ ตามให้ทัน (Keep Up)
คำศัพท์ทางวิชาการ สำหรับในภาคปฎิบัติ … การทำ SEO แบ่งออกได้เป็น 2 อย่างคือ
1. On-page Optimization (ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ในเว็บ เพื่อทำให้ Google จัดอันดับเว็บเราดีขึ้น)
2. Off-page Optimization (ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ นอกเว็บ เพื่อทำให้ Google จัดอันดับเว็บเราดีขึ้น)
ผมจะยังไม่ขอพูดลงรายละเอียดถึง On-Page / Off-Page เพราะเป็นภาคปฎิบัติ
ในบทความนี้ผมขอพูดถึง แนวคิดที่เป็นภาพรวม หรือ ไอเดีย หรือ หลักการ โดยอาจจะ เป็นอะไรที่ดูมันแหวกแนวหน่อย ซึ่งไม่บ่อยนักที่จะมีคนหยิบยกเอาเรื่องนี้มาพูดถึงหรืออธิบายกันในระดับพื้นฐาน (โดยเฉพาะคนไทย) ทั้งๆที่ ผมคิดว่า มันจำเป็นมากสำหรับมือใหม่ นั่นก็คือ เรื่องเกี่ยวกับ Relevance Optimization และ Authority Optimization
แต่ก่อนอื่นไปดู กฎสำคัญที่นักทำ SEO หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ และไม่เคยคิดที่จะเรียนรู้ (แต่มันจำเป็นต้องรู้)
กฎพื้นฐานในการจัดอันดับเว็บของ Google
มีข้อความตอนหนึ่งใน Google’s Librarian Central กล่าวไว้ตั้งแต่ปี 2005 ว่า
“As a rule, Google tries to find pages that are both reputable and relevant. If two pages appear to have roughly the same amount of information matching a given query, we’ll usually try to pick the page that more trusted websites have chosen to link to. Still, we’ll often elevate a page with fewer links or lower PageRank if other signals suggest that the page is more relevant. For example, a web page dedicated entirely to the civil war is often more useful than an article that mentions the civil war in passing, even if the article is part of a reputable site such as Time.com.”
แปลว่า
ตามกฎ !! Google จะพยายามค้นหาหน้าเพจที่ มีทั้งชื่อเสียงและมีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหา ถ้าหากมีสองหน้าที่มีข้อมูลที่ใกล้เคียงกัน ตามปกติ Google จะพยายามเลือกแสดงหน้าที่มีความน่าเชื่อถือสูงกว่า (จำนวน BackLink เยอะ + PR สูง) แต่ถึงกระนั้น บ่อยครั้ง Google เลือกที่จะแสดงหน้าที่มี Backlink จำนวนน้อย หรือ PageRank ต่ำ หากมีปัจจัยอื่นๆที่บ่งบองว่าหน้านั้นมีความเกี่ยวข้องสอดคล้องกับคำค้นหามากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เว็บที่ทุ่มเททั้งหมดให้กับ “civil war” น่าจะมีประโยชน์มากกว่า บทความหนึ่งที่อ้างถึง “civil war ในอดีต” แม้ว่า บทความนั้นจะมาจาก ไซต์ที่มีชื่อเสียงเช่น Time.com
นี่เป็นคำตอบ ของคำถามที่คนทำ SEO หลายๆคน สงสัยและถามกันอยู่บ่อยๆ ว่า
“ทำไมบางเว็บ PR 0 อันดับถึงดีกว่า เว็บ PR สูงๆ” หรือ
“ทำไมเว็บพึ่งเปิดใหม่ อันดับถึงดีกว่า เว็บดังๆ” หรือ
“ทำไมเว็บเล็กๆ อันดับถึงดีกว่า เว็บใหญ่ๆ”
หัวใจหลักในการทำ SEO
ถ้าคุณได้ติดตามผลงานที่ผมเขียนไว้ที่ผ่านๆมา ผมมักจะชอบพูดว่า
ในการทำ SEO นั้นหัวใจหลักมีอยู่ 2 อย่าง คือ Content (เนื้อหา) + Traffic (จำนวนคนเข้าเว็บ)
และผมก็ยังได้กล่าวอีกว่า…Google ไม่ได้ทำให้เว็บเราดัง แต่มันต้องการจัดอันดับเว็บที่ดัง !!
ซึ่งสิ่งที่ผมเคยกล่าวไว้ในบทความก่อนๆ มันตรงกับกฎนี้
[ ย้ำอีกทีว่า ตามกฎ !! Google จะพยายามค้นหาหน้าเพจที่ มีทั้งชื่อเสียงและมีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหา ]
วันนี้ขออนุญาตย้ำคำพูดเดิมของตัวเอง (แต่จะอธิบายเพิ่มเติมให้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น) ว่า
“หัวใจหลักในการทำ SEO นั้นมีอยู่ 2 อย่าง” คือ
1. Content ซึ่งผมหมายความถึง เนื้อหาที่ความเกี่ยวข้องกับคำค้นหา และมันชี้วัดโดยคำว่า Relevance นั่นเอง
โดยมี On-Page Optimization เป็นตัวปฎิบัติ
• สามารถพูดได้ว่า การที่พวกเราทำ On-Page SEO ก็เพื่อส่งสัญญาณบอก Google ว่าเว็บของเรานั้นมีความ Relevance
• On-Page SEO แบ่งได้ 2 อย่าง คือ On-Page Technique กับ On-Page Content แต่ทั้งสองส่วนก็คือการมุ่งเน้นไปที่ปรับแต่ง Content บนเว็บนั่นเอง
2. Traffic ซึ่งผมหมายความถึง จำนวนคนเข้าเว็บ ถ้ามีมากแสดงว่าหน้าเพจของเรามีชื่อเสียง (เว็บดัง)
และมันชี้วัดโดยคำว่า Authority นั่นเอง โดยมี Off-Page Optimization เป็นตัวปฎิบัติ
• สามารถพูดได้ว่า การที่พวกเราทำ Off-Page SEO ก็เพื่อส่งสัญญาณบอก Google ว่าเว็บเรามีชื่อเสียง เว็บเราดัง มีคนเข้าเยอะ หรือเป็น Authority Site
• Off-Page SEO หรือ SEO Traffic เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ Web Traffic เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงนั้น การหา Traffic เข้าเว็บ มีหลากหลายช่องทางมาก (ไว้ผมจะมาคุยถึงเรื่อง Traffic อย่างละเอียด ในโอกาสต่อๆไป)
Relevance Optimization คืออะไร ?
Relevance แปลว่า ความสัมพันธ์กัน,การเข้าประเด็น,ความเข้าเรื่องกัน
ในปัจจุบัน Google Bot ถูกปรับปรุงพัฒนาให้ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ของ Google เอง ซึ่งนั่นก็คือ การแสดงผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คำตอบที่ตรงประเด็นที่สุด ที่สอดคล้องและเกี่ยวข้องที่สุด กับ คำค้นหา (Query) ที่เราใช้ในการพิมพ์ถาม Google … ดังนั้น Relevance Optimization ก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพของความสัมพันธ์ ความสอดคล้อง ระหว่างหน้าเพจของเรากับคำค้นหา
ทำอย่างไรให้เว็บ Relevance มากยิ่งขึ้น ? (แบบย่อ)
1. โฟกัสที่ Niche
อย่าสร้าง Topic ที่มันไม่เกี่ยวข้องกับ Niche เพียงเพราะแค่คุณชอบ ว่ากันง่ายๆคือ อย่านอกประเด็นจนเกินไป
(เช่น ถ้าเว็บคุณเกี่ยวกับรถ อย่าเอานกมาเกี่ยว … พยายามหาแต่เรื่องเกี่ยวกับ รถ มานำเสนอ)
2. ลิงค์ออกและลิงค์เข้า
ลิงค์เข้า – คุณไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่ แต่หากได้รับลิงค์จากเว็บที่เกี่ยวข้องกับ Niche / เนื้อหา ยิ่งดี
ลิงค์ออก – คุณควบคุมได้เต็มที่ ก็ทำให้แน่ใจว่าคุณลิงค์ไปยังไซต์ที่เกี่ยวข้อง (ถ้าไซต์นั้นเป็น Authority Site ยิ่งดี)
3. ลิงค์ภายใน
พยายามเชื่อมโยงลิงค์ภายในระหว่างแต่ละหน้าในเว็บของคุณให้มันมีความสอดคล้องกัน
(ไว้คุยกันอีกทีแบบละเอียด ในเรื่อง Deep Linking)
Authority Optimization คืออะไร ?
Authority แปลว่า มีอำนาจ
หากเราพูดถึงคำว่า Authority โดยนัยยะจะสื่อถึง Authority Site ซึ่งหมายถึง ไซต์ที่มีอำนาจ ไซต์ที่ทรงอิทธิพล (พูดง่ายๆคือ เป็น ไซต์ที่ดัง ไซต์ที่คนเข้าเยอะ ไซต์ที่น่าเชื่อถือ ประมาณนั้น)
ยกตัวอย่าง เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น
ถ้าคุณต้องการค้นหาบางอย่าง คุณจะเข้าไปที่ ? …. Google
ถ้าคุณต้องการจะหาซื้อของบางอย่างออนไลน์ (US-Base) คุณจะเข้าไปที่ ? … Amazon
ถ้าคุณต้องการให้ทั้งโลกรู้ว่ามื้อเที่ยงนี้คุณกินอะไร คุณจะเข้าไปที่ ? … Twitter
ถ้าคุณต้องการมองหาความคิดเห็นจากชาวเนต คุณจะเข้าไปที่ ? … Pantip
ถ้าคุณต้องการจะหาความรู้ในเรื่อง SEO คุณจะเข้าไปที่ ? … ThaiSEOBoard (หรือ WebBastard.net ? อิอิ)
ถ้าคุณต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับ การออมเงิน คุณจะเข้าไปที่ ? … AomMoney
เหล่านี้เป็นตัวอย่าง Authority Site หรือ ไซต์ที่น่าเชื่อถือ ไซต์ที่มีอำนาจ ไซต์ที่มีประโยชน์ ไซต์ที่คนจดจำและพูดถึง ใน Keyword หรือ Niche Market นั้นๆ แน่นอนว่าถ้า ยิ่งไซต์คุณมีความเป็น Authority ใน Keyword นั่นๆ มากเท่าไหร่ … มันหมายถึง โอกาสที่ Google จะจัดอันดับไซต์ของคุณก็สูงตามไปด้วย
เป้าหมายสูงสุดในการทำ SEO ก็เพื่อทำให้เว็บของเรากลายเป็น Authority Site นั่นเอง เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนมองว่าเว็บของเราเป็น Authority แล้ว เราก็แทบจะไม่ต้องพึ่งการทำ SEO อีกต่อไป เพราะคนจะเข้ามาที่เว็บเอง โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ Keyword ค้นหา แต่พวกเขาจะพิมพ์ชื่อเว็บของเราแทนเลย เพราะเขารู้จักและเชื่อใจ เชื่อมั่นในเว็บของเราแล้ว
(นี่เป็นเหตุให้ การตั้งชื่อเว็บ หรือ Branding เป็นสิ่งสำคัญ ไว้จะมาว่ากัน รับรองมันส์แน่นอน เรื่องนี้)
คนทั่วไป – เป้าหมายสูงสุดของการทำ SEO คือการให้คนเห็นเว็บและเข้าเว็บ
คนบ้า – เป้าหมายสูงสุดของการทำ SEO คือการไม่ต้องทำ SEO อีกต่อไป (555+ ไอ้บ้า)
ทำอย่างไรให้เว็บมีความเป็น Authority ? (แบบย่อ)
พื้นฐานของการสร้าง Authority คือ “Epic Content” หรือ เนื้อหาต้องโดน!! หมายถึง นอกจากจะสอดคล้องเกี่ยวข้องกับคำค้นหาแล้ว ยังต้องให้มันโดนใจผู้คน “มีประโยชน์” , “มันเข้าตัว” , “ตามหามานานแล้ว” , “อันนี้ใช่เลย”
เนื้อหาโดน = คนจะคลิก
เนื้อหาโดน = คนจะแชร์
เนื้อหาโดน = คนจะพูดถึง
เนื้อหาโดน = คนจะลิงค์
และเมื่อเรามี Epic Content แล้ว สิ่งที่ต้องทำ เพื่อสร้าง Authority ก็คือการ
1. โปรโมท
2. โปรโมท โปรโมท
3. โปรโมท โปรโมท โปรโมท
ซึ่งการโปรโมท ก็คือ Off-Page SEO และเราทำ Off-Page ก็เพื่อหา Traffic เข้าเว็บ และเมื่อมี Traffic เข้าเว็บเยอะๆ นั่นจะเป็นการส่งสัญญาณให้กับ Google บ่งบอกว่า Site ของเรานั้นเป็น Authority Site นั่นเอง
บทสรุป
จงสร้าง Relevance และ Authority ให้กับไซต์ของคุณ พยายามให้ในสิ่งที่ Google มันต้องการก่อน แล้วคุณก็จะได้รับสิ่งที่คุณต้องการจาก Google คืนกลับมา (หรือเปล่าว่ะ ? 555+) …. นี่คือ กฎของ SEO ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และมันคือ SEO ในโลกแห่งความเป็นจริง
Write Epic Content -> Build Relevance and Authority in Your Niche -> Give It Time
JoJho
คนทำเว็บนอกคอก
ในบทความหน้า ผมจะมาคุยถึง มุมมองส่วนตัวที่ผมมีต่อ Google ในการจัดอันดับเว็บไซต์
รับรองได้ว่า คุณจะไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน มาจากที่ไหนมาก่อนในโลกใบนี้ (เพราะผมพยายามค้นหาแล้ว
แต่ก็ไม่เจอ) … บางทีคุณอาจจะหาว่าผม “บ้า” แต่ผมเชื่อว่า คุณจะ “ชอบ” …. รอติดตามตอนต่อไปกันนะครับ
(มาแล้ว) อ่านตอนต่อไป ► สอนทำ SEO ตอน ที่ 2 : เข้าใจ Google แบบเด๊ะๆ